หากคุณกำลังใช้งานอยู่ดีๆ อินเตอร์เน็ตหลุดและใช้งานไม่ได้ การตรวจสอบอินเตอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ด้วยตนเองเบื้องต้น
เนื้อหาที่สำคัญ
ประเด็นสำคัญ
อินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสื่อสารและการทำงานในปัจจุบัน หากอินเตอร์เน็ตมีปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงควรตรวจสอบอินเตอร์เบื้องต้นเพื่อหาสาเหตุของปัญหาและการแก้ปัญหาได้อย่างท่วงที
หากการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตใช้งานได้แต่ช้า
หากคุณใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตได้ แต่ใช้เวลาในการโหลดหน้าเว็บไซต์นาน หรือแซทไลน์ ส่งไฟล์ได้ช้า
- ให้ทำการทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ตโดยการใช้ใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต เช่น Speedtest.net หรือ nperf.com
หากทำการทดสอบแล้วการโหลดหน้าเว็บและการทดสอบแสดงผลช้า อาจมีปัญหากับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต เช่น สายเคเบิลภายนอกขาด ให้คุณติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อแจ้งอาการเสีย

หากอินเตอร์เน็ตใช้งานไม่ได้
หากคุณใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตไม่ได้หรือทดสอบการเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตบน Google Chrome แล้วปรากฏรูปภาพดังด้านล่าง

วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น เมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตไมได้
- ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกเครื่อง เช่น คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือใช้งานได้หรือไม่ หากไม่สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตบนอุปกรณ์ใดๆ ได้ให้ตรวจสอบขั้นตอนต่อไป
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อของสายเคเบิล หรือสัญญาณ Wi-Fi
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อด้วยคำสั่ง “Ping”
ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย
ให้คุณทำการตรวจสอบอุปกรณ์ทุกเครื่อง เช่น คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่ายได้หรือไม่ หากไม่สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตบนอุปกรณ์ใดๆ ได้ให้ตรวจสอบขั้นตอนต่อไป
ตรวจสอบการเชื่อมต่อของสายเคเบิล หรือสัญญาณ Wi-Fi
- ตรวจสอบสายเคเบิลหรือสายแลนด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ว่ามีไฟสัญญาณกระพริบหรือไม่
หากทำการตรวจสอบแล้วไม่มีไฟกระพริบให้เปลี่ยนสายเคเบิลใหม่
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อ Wi-Fi สามารถ Connect สัญญาณได้หรือไม่
ตรวจสอบการเชื่อมต่อด้วยคำสั่ง “Ping”
หากคุณได้ทำการตรวจสอบสายสัญญาณและ Wi-Fi เรียบร้อยแล้ว การใช้คำสั่ง Ping เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการตรวจสอบการเชื่อมต่อในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยสามารถใช้คำสั่งนี้เพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครือข่ายสามารถติดต่อกันได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังช่วยในการหาข้อมูลเกี่ยวกับการส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ในเครือข่าย
ก่อนที่จะใช้คำสั่ง “Ping”
ก่อนที่จะใช้คำสั่ง “Ping” คุณควรทราบ IP Address บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณเสียก่อน ให้ทำการเปิด Terminal บนเครื่องแมค หรือ Command Prompt บน Windows แล้วพิมพ์คำสั่งดังนี้
- บนเครื่องแมคและลีนุกซ์ใช้คำสั่ง “ifconfig”
- บน Windows ให้ใช้คำสั่ง “ipconfig”
เมื่อทราบ IP Address แล้ว คุณจะทราบคลาสของ IP Address ที่เร้าท์เตอร์แจกมาให้ เช่น
- 192.168.1.X
- 192.168.0.X
- 10.80.X.X
- 192.168.100.X
เป็นต้น
วิธีการใช้คำสั่ง “Ping”
ภายใน Teminal ของแมค หรือ Command Prompt ของ Windowsจากนั้นพิมพ์คำสั่ง ping ตามด้วยที่อยู่ IP หรือชื่อโดเมนของเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทางที่ต้องการทดสอบการเชื่อมต่อ เช่น
หมายเหตุ : ค่าหมายเลข 192.168.1.1 ในแต่ล่ะสถานที่อาจจะตั้งค่าไม่เหมือนกัน เช่น จากภาพการค้นหา IP Address ด้านบน IP Address เครื่องคุณได้รับ 192.168.100.129 ดังนั้น ควรใช้คำสั่ง “Ping 192.168.100.1” เป็นต้น
หรือ
หากการเชื่อมต่อปกติ จะได้ผลลัพธ์ดังนี้

จากผลลัพธ์ที่ได้ (ทำการ ping กับ 192.168.100.1 และ ping google.com ) จะเห็นได้ว่า
- ลำดับที่ (1) 64 bytes จำนวนไบต์ที่ส่งไป
- ลำดับที่ (2) from 192.168.100.1 มีการตอบสนอง
- ลำดับที่ (3) แสดงถึง โปรโตคอลที่ใช้ทดสอบ icmp_seq=x
- ลำดับที่ (4) แสดงถึงค่า TTL (Time to Live) ที่กำหนดให้กับข้อมูล
- ลำดับที่ (5) แสดงถึงเวลาในการส่งข้อมูลไปและได้รับข้อมูลตอบกลับ (ms)
หากการเชื่อมต่อไม่ปกติ หรือไม่มีการตอบสนองจะขึ้นคำว่า “Request Time Out” ซึ่งหมายถึงไม่มีการตอบสนอง
การใช้คำสั่ง Ping เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และเป็นเครื่องมือที่ไม่ยากต่อการใช้งานสำหรับผู้ดูแลระบบและผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการตรวจสอบความเชื่อมต่อในเครือข่ายของตน