ส่วนของเนื้อหา
ประเด็นสำคัญ
หากชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก การเก็บภาพไว้ดูเล่นหรือลงโซเซียลเน็ตเวิร์ก การใช้ Adobe Lightroom ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรายเดือนอาจจะหนักเกินไปหากไม่สามารถสร้างรายได้จากรูปภาพได้ Affinity Photo 2 เป็นแอปตกแต่งรูปภาพที่มีความใกล้เคียงกับ Adobe Photoshop มาก (แต่ผมไม่อาจจะทราบหากมีโปรแกรมอื่นที่มีความใกล้เคียงมากกว่านี้) Affinity Photo 2 แก้ไขภาพได้ทีละภาพเท่านั้น ไม่มีฟังก์ชันในการแก้ไขภาพทีละหลายภาพ วิธีการแก้ปัญหานี้อาจจะไม่ตรงจุดสำหรับช่างภาพหลายท่าน และการทำงานค่อนข้างช้ากว่า Adobe Lightroom หากถ่ายภาพมาหลายร้อยภาพหรือพันภาพ แต่สำหรับผมมันค่อนข้างที่จะใช้งานได้ดีทีเดียวด้วยความสบายใจ เนื่องจาก Affinity Photo 2 เป็นโปรแกรมตกแต่งภาพที่ซื้อขาด ไม่ได้จ่ายรายเดือน และราคาก็ไม่แพง หากมีความสามารถในการใช้ Photoshop มาแล้ว การเรียนรู้การใช้งาน Affinity Photo 2 ไม่ยากเลย เพราะการใช้งานใกล้เคียงกันมาก
Affinity Photo 2 แก้ไขภาพได้ทีละภาพ แล้วมีวิธีการใช้งานทีละหลายภาพอย่างไร
- วิธีคัดเลือกรูปภาพ โดยใช้โปรแกรมอื่น เช่น Photos หรือ Preview ในเครื่องแมค หรือโปรแกรมดูภาพใน Windows คุณจำเป็นต้องติดดาว หรือใช้แท็กสีเพื่อมาร์กรูปภาพที่ต้องการปรับแต่ง จากนั้นค่อยนำภาพมาปรับแต่งในโปรแกรม Affinity Photo 2
- ผมใช้ Finder ด้วยการให้แสดงผล “Show items as icon, in a list, in columns or in a gallery” หากได้รูปภาพที่ต้องการจึงเปิดด้วย “(Open with) Affinity Photo 2″
วิธีการปรับแต่งภาพอย่างรวดเร็วบน Affinity Photo 2
- เลือกไฟล์ RAW ของกล้อง (พิจารณาภาพที่แสงสวยที่สุด) ทำการเปิดด้วยแอป Affinity Photos 2
- ปรับแต่งค่าต่างๆ ทั้งใน Basic (แสงและเงา รูรับแสง) และใน Detail (Noise เป็นต้น)
- ภายหลังการปรับแต่งแล้ว สร้าง Preset ไว้ใช้งาน เพื่อใช้งานภาพอื่นๆต่อไป
- หลังจากที่ Process ภาพปัจจุบันเรียบร้อยแล้ว การ Process ภาพถัดไปสามารถเลือกที่ Preset ที่สร้างไว้ได้เลย
- กดที่ปุ่ม Develop ด้านบนซ้าย แล้วหากพึงพอใจในภาพแล้ว สามารถ Export รูปภาพออกไปใช้งานได้เลย
- สามารถแต่งรูปภาพเพิ่มเติมได้ภายหลังจากที่กด Develop การใช้งานค่อนข้างคล้าย Adobe Photoshop
Affinity Photo2 ปรับแต่งภาพได้เร็วกว่า Lightroom หรือไม่
- การปรับแต่งภาพบน Affinity Photo 2 จะตกแต่งภาพได้ช้ากว่า Lightroom เป็นอย่างมาก หากคุณต้องการงานระดับด่วนมาก คงไม่เหมาะที่จะต้องใช้โปรแกรมตัวนี้
- สามารถตกแต่งรูปภาพได้มากกว่ามากเนื่องจากเป็นโปรแกรมตกแต่งภาพคล้าย Photoshop
ข้อดีและข้อเสีย
ผมไม่ใช่นักตกแต่งและตัดต่อภาพ จึงไม่สามารถกล่าวข้อดีข้อเสียในระดับที่เป็นขั้นสูงได้ แต่จะกล่าวเพียงเล็กน้อยไว้เพือพิจารณา
Affinity Photo 2 มีข้อดีอย่างไร
- Affinity Photo 2 เป็นโปรแกรมซื้อขาด ไม่ต้องจ่ายรายเดือน
- รองรับทั้ง Windows, Mac และ iPad (แต่ใช้บน Mac จะเสถียรกว่ามาก)
- โปรแกรมเล็กและใช้งานง่าย เมื่อเทียบกับ Adobe Photoshop
ข้อเสียของ Affinity Photo 2
- ระบบ Cache File ของตัวแอป ไม่ค่อยเคลียร์ออกหลังจากปิดโปรเจ็ครูปภาพที่แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มช้าเมื่อใช้แอปตกแต่งรูปภาพตั้งแต่ภาพที่ 10 เป็นต้นไป ทำให้แอปเริ่มทำงานช้า โดยเฉพาะ RAW File
- ไม่รองรับภาพหรือการแก้ไขภาพให้เป็น 3D ค่อนข้างยาก
ข้อสรุป
การใช้แอป Affinity Photo 2 อาจจะไม่ตอบโจทก์สำหรับผู้ทำงานด้านช่างภาพที่มีภาพจำนวนมาก ควรใช้ Adobe Lightroom จะช่วยการทำงานช่างภาพได้อย่างรวดเร็ว แต่หากคุณทำงานถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก เช่น การท่องเที่ยว การถ่ายภาพครอบครัว เป็นต้น การเลือกใช้แอป Affinity Photo ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นแอปที่ซื้อขาด(ใช้ได้ทั้งเวอร์ชัน หากข้ามเวอร์ชั่นจะต้องซื้อใหม่ เช่น เวอร์ชัน 1.00 และ เวอร์ชัน 2.0 ในส่วนของเวอร์ชันย่อยอัพเดตฟรีให้ตลอด)ในราคาที่ไม่แพง ทั้งยังเป็นแอปที่มีขนาดเล็ก ไม่กินพื้นที่มาก หากซื้อตอนปลายปีก็จะมีส่วนลดด้วย